กรดไหลย้อน พฤติกรรมอย่างไรที่เสี่ยงต่อการเกิดอาการให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งในปัจจุบันนี้มีผู้ป่วยกรดไหลย้อนเพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยสาเหตุหลักๆมักมาจากการใช้ชีวิตประจำวันนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นเวลาที่ต้องเร่งรีบ, อาหารที่สามารถหาทานได้ในแต่ละมื้อ, รวมถึงความเครียดต่างๆ ที่ส่งผลให้เกิดโรคได้โดยง่ายและหากเป็นแล้วมักจะมีอาการเป็นๆหายๆเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมต่างๆ จะสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นและหายขาดได้ไม่ยาก ลองมาดูกันค่ะว่าต้องปฎิบัติตัวอย่างไรกันบ้าง?
  • ทานอาหารให้ตรงเวลาทุกมื้ออาหารในทุกๆวัน เช่น มื้อเช้า 8:00 น. / มื้อเที่ยง 12:30 น. / มื้อเย็น 18:00 น.  
  • ลดทานอาหารรสจัด เผ็ดจัด เค็มจัด เปรี้ยวจัด หวานจัด แนะนำให้ทานรสชาติอ่อนๆระหว่างการรักษา เพื่อลดไม่ให้เกิดอาการกำเริบมากขึ้น 
  • เคี้ยวอาหารให้ละเอียดมากขึ้น ทานอาหารให้ช้าลง เป็นการลดภาระการทำงานของลำไส้ เพราะความรู้สึกอิ่มไม่ได้มาทันที การทานเร็วจะทำให้เกิดอาการแน่นท้องได้
  • งดอาหารที่มีไขมันสูง ของทอด ของมัน ของหมัก ของดอง อาหารที่มีส่วนผสมของกะทิ อาหารแปรรูปต่างๆ และงดอาหารที่ย่อยยาก เช่น โปรตีนจากเนื้อแดง
  • ไม่ควรทานน้ำเกินครึ่งแก้วระหว่างทานอาหาร เพราะจะทำให้น้ำย่อยเจือจาง อาหารจะย่อยช้าและท้องอืดได้ ควรดื่มน้ำหลังทานอาหารไปแล้ว 30 นาที
  • งดชา กาแฟ น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ เครื่องดื่มชูกำลัง และบุหรี่ เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการมากขึ้น
  • งดผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว เช่น มะนาว, ส้ม, สัปปะรด, เสาวรส และอื่นๆ
  • ไม่ควรทานผลไม้ฤทธิ์เย็นใกล้ช่วงเวลาทานอาหาร เช่น น้ำมะพร้าว, น้ำแตงโม, น้ำส้ม และแก้วมังกร  
  • ทานอาหารเช้าไม่เกิน 9 โมงเช้า และไม่ควรทานอาหารดึกเกิน 2 ทุ่ม เพราะเป็นช่วงที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารเหลือน้อยแล้ว หากต้องการทาน แนะนำให้ทานอาหารอ่อน เช่น ธัญพืชชงหรือน้ำนมข้าวแทน เพราะจะย่อยและดูดซึมได้ง่าย โดยเฉพาะมื้อเย็นควรงดอาหารที่ย่อยยาก เช่น โปรตีนจากเนื้อแดง
  • ไม่สวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นจนเกินไป
  • หลังทานอาหาร ไม่ควรนั่งหรือนอนทันที และควรทิ้งเวลาห่างอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอนตอนกลางคืน
  • รักษาน้ำหนักตัวให้เหมาะสมไม่ให้อ้วนเกินไป และลดไขมันหน้าท้อง  ไม่ควรลงพุงเพราะไขมันหน้าท้องจะสร้างแรงดันมากกว่าปกติ เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดแก๊สและลมมากขึ้นได้เช่นกัน
  • ไม่ควรนอนราบ ควรหนุนศีรษะให้ระดับสูงขึ้นประมาณ 6-10 นิ้ว และแนะนำให้นอนตะแคงซ้ายค่ะ
  • หากมีอาการท้องผูกหรือถ่ายยาก ไม่ควรทานยาระบายหรือยาถ่ายติดต่อกันเป็นเวลานาน เพราะจะส่งผลเสียต่อลำไส้ หากสังเกตเมื่อหยุดทานยาเหล่านี้ ลำไส้จะไม่ทำงาน ทำให้ขับถ่ายยาก ท้องอืด และแน่นท้องมากขึ้นกว่าเดิม การทานเหล่านี้เป็นระยะเวลานาน อาจทำให้เป็นโรคลำไส้ขี้เกียจได้ แนะนำให้ทานอาหารที่มีกากใยเพิ่มขึ้นหรือเพิ่มจุลินทรีย์ชนิดดีให้กับลำไส้ ที่จะช่วยปรับสมดุลลำไส้ให้ดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ หรือการทานโยเกิร์ตชนิดไม่มีน้ำตาล หลังการทานอาหารทุกมื้อก็สามารถช่วยให้การย่อยดีขึ้นได้ค่ะ
  • งดยาเคลือบกระเพาะ ยาลดกรด ยาขับลม เพราะยาเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นด่าง จะไปทำลายประสิทธิภาพของขมิ้นชันให้หมดไป หากนำมาทานคู่กันจะเสมือนการทานน้ำเปล่าดีๆนี่เอง
  • อย่าเครียด หรือวิตกกังวลมากเกินไป เพราะเวลาเครียดกรดในกระเพาะจะเพิ่มมากขึ้น จึงควรหาเวลาว่างเพื่อผ่อนคลายสมองบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือการไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆค่ะ
ผู้ที่เป็นกรดไหลย้อน จึงจำเป็นต้องปฎิบัติตัวในการป้องกันไม่ให้โรคกำเริบมากขึ้นอย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง ก็จะสามารถทำให้ปลอดจากอาการและภาวะแทรกซ้อนได้ รู้ก่อนรักษาก่อนก็ทำให้หายขาดจากโรคนี้ได้ค่ะ
แชร์บทความสุขภาพ