โรคกระเพาะ และ โรคกรดไหลย้อน เป็นสองโรคเรื้อรังที่คล้ายคลึงกันมาก ที่สร้างความสับสนให้กับคนจำนวนมากว่าตัวเองเป็นโรคอะไรกันแน่ หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสองโรคนี้ต่างกัน!!
อาการปวดที่บ่งชี้ของทั้งสองโรคมีดังนี้
- โรคกระเพาะ : จะมีอาการปวดแสบร้อน จุกหน้าอก แน่นใต้ลิ้นปี่ลงไปถึงเหนือสะดือ ปวดใต้ชายโครงซ้าย และมักเป็นๆหายๆ โดยจะสัมพันธ์กับมื้ออาหารคือ อาจปวดก่อนหรือหลังกินอาหาร
- โรคกรดไหลย้อน : มักจะเกิดอาการหลังมื้ออาหาร 30-60 นาที จะรู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอกหรือลิ้นปี่ เรอบ่อย และรู้สึกเหมือนมีน้ำรสขมหรือรสเปรี้ยวไหลย้อนขึ้นมาทางปาก
ถึงจะต่างแต่อันตรายถึงขั้นเป็น “มะเร็ง” ได้เหมือนกัน
- โรคกระเพาะ >> โรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
หากอาการปวดจุกแน่นลิ้นปี่ เริ่มทวีความรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถนอนหลับได้ มีอาการอาเจียนหรือถ่ายอุจจาระเป็นเลือด กลืนอาหารลำบาก น้ำหนักลด ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือมีก้อนในท้อง อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคมะเร็งกระเพาะอาหาร
- โรคกรดไหลย้อน >> โรคมะเร็งหลอดอาหาร
หากอาการแสบร้อนบริเวณหน้าอก เพิ่มความถี่มากกว่าสองครั้งต่อสัปดาห์ รวมไปถึงอาการกลืนอาหารลำบาก หรือกลืนแล้วรู้สึกว่ามีก้อนในลำคอ เจ็บหน้าอก แม้ว่าทานยาลดกรด ก็ไม่สามารถบรรเทาอาการได้อีกต่อไป นี่คือสัญญาณบ่งบอกว่าคุณอาจเป็นโรคมะเร็งหลอดอาหาร
ไม่อยากทนปวดอีกต่อไป ต้องรีบดูแลตัวเอง อย่าปล่อยให้ลุกลาม
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่กระตุ้นให้เกิดโรคเพิ่มขึ้น เช่น อาหารรสจัด ของหมักดอง เครื่องดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ และผลไม้รสเปรี้ยว
- กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ปล่อยให้ท้องว่างและกินในปริมาณที่พอดี และควรเคี้ยวอาหารให้ละเอียดก่อนกลืน
- หมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- หลีกเลี่ยงความเครียด
เพราะโรคกรดไหลย้อนจะเกิดขึ้น เมื่อคุณป่วยเป็นโรคกระเพาะมาอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคกระเพาะหรือโรคกรดไหลย้อน ควรหันมาดูแลตัวเองเสียแต่เนิ่นๆ อย่ารอให้โรคร้ายมาเยือนแบบไม่ทันตั้งตัว!!
ขมิ้นชันกรีนเคอมิน ช่วยคุณได้