ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางด้านชีวภาพ ทำให้สมุนไพรไทยมีความโดดเด่นและเป็นที่ต้องการของนักวิจัยทางด้านเภสัชศาสตร์ เพื่อนำมาพัฒนาให้เป็นตำรับยารักษาโรคต่างๆได้มากมาย

     มีงานวิจัยเรื่องขมิ้นชันกว่า 8,000 เรื่อง และทุกงานวิจัยยอมรับประสิทธิภาพของสารสำคัญ Curcuminoids ในขมิ้นชันที่ใช้รักษาโรคต่างๆได้อย่างมากมาย เช่น ฤทธิ์ในการต้านอนุมูลอิสระ, ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา, ต้านการอักเสบ, ต้านการเพิ่มจำนวนของเซลล์, ยับยั้งการเสื่อมของเซลล์ และลดคอเลสเตอรอลในเลือด นอกจากนี้ยังพบว่าถูกนำมาใช้ประโยชน์ทางยาในการรักษาโรคเกี่ยวกับระบบประสาท, โรคหัวใจและหลอดเลือด, โรคไขข้อ, โรคภูมิแพ้, โรคลำไส้อักเสบ, โรตไต, โรคเอดส์, โรคสะเก็ดเงิน, โรคเบาหวาน, โรคปลอกประสาทอักเสบ (โรคเอ็มเอส) และโรคปอด (Zhou และคณะ, Curr. Drug Targets 12, 2011) และจากผลการศึกษาทั้งในหลอดทดลอง, ในสัตว์ทดลองและการศึกษาทางคลินิกในคน ได้แสดงถึงคุณสมบัติของเคอร์คูมินอยด์ในการรักษาโรคมะเร็ง (Anand และคณะ, Cancer Lett. 267, 2008)

     แต่เมื่อนำมาใช้จริงกับผู้ป่วย กลับไม่เกิดผลตามต้องการ ทั้งนี้เป็นเพราะสารเคอร์คูมินอยด์ในขมิ้นชันละลายน้ำได้น้อยมากเพียง 0.0004 มก./มล. ที่pH 7.02 จึงทำให้สารดังกล่าว ไม่สามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ นอกจากนี้สารดังกล่าวยังมีความคงตัวที่ต่ำอีกด้วย จึงทำให้สารสำคัญสลายตัวก่อนที่จะดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้

 ทีมงานวิจัยบริษัท ดีท็อกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ใช้เวลาพัฒนามาตั้งแต่ปี 2011 เพื่อทำให้สารเคอร์คูมินอยด์ละลายน้ำและคงตัวได้ จนในที่สุดบริษัทฯประสบความสำเร็จทำให้เกิดการละลายน้ำได้มากที่สุดในโลกคือ ละลายน้ำได้ถึง 6.4 มก./มล. ซึ่งละลายน้ำได้มากกว่าสภาวะปกติถึง 10,000 เท่า และเมื่อนำสารเคอร์คูมินอยด์มาทำเป็นผลิตภัณฑ์ ก็สามารถเห็นผลได้อย่างรวดเร็วเช่น โรคกระเพาะอาหาร, โรคกรดไหลย้อน, โรคข้อเข่าอักเสบ, ลดอาการวัยทอง, เสริมภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

     ทั้งนี้ ดร.ณสพน โพธิ์วิจิตร นักวิจัยไทย ประธานสถาบันวิจัย NSPi และพัฒนา CCI ที่มีความชำนาญทางด้านสมุนไพร มีนักวิทยาศาสตร์ชาวญี่ปุ่น ซึ่งมีผลงานตีพิมพ์ระดันานาชาติมากกว่า 500 เรื่อง และผลงานลิขสิทธิ์อีกกว่า 250 เรื่อง เน้นงานวิจัยทางด้านสมุนไพรแล้วนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ โดยอาศัยการสกัดและแยกสารสำคัญ ทำให้สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ โดยอาศัยเครื่องมือ Spectophotometer และ HPLC (High Pressure Liquid Chromatography) มาตรวจวิเคราะห์ยืนยันสารสำคัญที่ใช้ และตรวจเชิงปริมาณเพื่อวิเคราะห์ปริมาณสารสำคัญที่อยู่ในผลิตภัณฑ์ ซึ่งมีผลิตภัณฑ์อยู่ 3 รูปแบบคือ

1. เครื่องดื่มสมุนไพร
2. อาหารเสริมในรูปแคปซูลและแกรนูล
3. เครื่องสำอาง

     พร้อมทีมงานนักวิจัยคนไทยระดับปริญญาเอกและปริญญาโทอีกหลายท่าน ที่มุ่งมั่นวิจัยและพัฒนาสมุนไพรไทย และนำมาต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและประสิทธิภาพสูงสุด ให้ผลตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้คนทั้งหลายที่ใส่ใจดูแลสุขภาพของตนเอง ในราคาที่เป็นธรรม เพื่อการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว ตามปณิธานของบริษัทที่ว่า Innovative Herbs for Better Life “นวัตกรรมสมุนไพรเพื่อชีวิตที่ดีกว่า”